บทที่ 6
ชาร์ลส์ผลักประตูห้องนอนเข้าไป เผยให้เห็นห้องที่มืดสนิท
เขาเปิดไฟแล้วเดินเข้าไป ได้ยินเสียงอู้อี้ของแพทริเซียดังมาจากใต้ผ้าห่ม
“เอลลี่... ไม่ต้องเรียกกินข้าวนะ ฉันไม่หิว”
ไอแพดบนโต๊ะข้างเตียงกำลังเปิดอะไรบางอย่างอยู่ ชาร์ลส์วางแก้วน้ำผึ้งลงแล้วจิ้มไปที่ผ้าห่ม
“เอาน่า ดื่มน้ำผึ้งนี่ซะ”
เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่ใช่ของเอลลี่ แพทริเซียก็ค่อยๆ โผล่ออกมาจากใต้ผ้าห่ม เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่จ้องมองชาร์ลส์
ชาร์ลส์เหลือบมองเธอสลับกับแก้วบนโต๊ะข้างเตียง “ดื่มซะ แล้วจะรู้สึกดีขึ้น”
แพทริเซียปวดมากจนเธอแทบลืมไปแล้วว่าครั้งสุดท้ายที่รู้สึกแย่ขนาดนี้คือเมื่อไหร่
ความทรงจำของเธอย้อนกลับไปถึงตอนที่ชาร์ลส์เคยเห็นเธอเจ็บปวดเช่นนี้หลังจากแต่งงานกันใหม่ๆ และเรียกหมอมาดูอาการให้ มันนานมากแล้วที่เธอไม่รู้สึกแบบนี้อีก
ความคิดของเธอพาเธอย้อนกลับไปในอดีต ภาพของชาร์ลส์ในวัยสามสิบซ้อนทับกับชาร์ลส์วัยสามสิบห้าที่อยู่ตรงหน้าเธอ
“ไม่เอา” แพทริเซียปวดท้องจนตัวบิด ดวงตาของเธอก็เหม่อลอย
ชาร์ลส์ไม่ได้ยินชัดเจนจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”
“ฉันไม่เอา... น้ำผึ้ง คุณก็รู้” แพทริเซียเจ็บปวดจนเหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หน้าผาก ความเจ็บปวดแต่ละระลอกทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
‘ฉันรู้งั้นเหรอ’ ชาร์ลส์งุนงง เขาไปรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เธอเจ็บขนาดนี้ทุกครั้งเลยเหรอ” ชาร์ลส์เห็นใบหน้าที่ซีดเซียวไร้สีเลือดของเธอก็รู้สึกสงสารขึ้นมา น้ำเสียงของเขาจึงอ่อนโยนกว่าปกติ
“เจ็บ”
หูของแพทริเซียอื้ออึงไปหมดเพราะความเจ็บปวด เธอไม่มีแรงพอจะไปใส่ใจฟังว่าเขาพูดอะไร
อาจเป็นเพราะถูกความเจ็บปวดครอบงำ เธอจึงดึงมือของชาร์ลส์สอดเข้าไปใต้ผ้าห่ม
ฝ่ามือของชาร์ลส์หนาและอุ่นโดยธรรมชาติ เมื่อสัมผัสกับหน้าท้องที่เย็นเฉียบของเธอ ความอบอุ่นนั้นก็ทำให้แพทริเซียรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เธอจับมือของชาร์ลส์แล้วลูบไล้ไปมาบนหน้าท้องของตัวเองซ้ำๆ
ชาร์ลส์ตัวแข็งทื่อ ตกใจกับการกระทำของแพทริเซีย เขาจ้องมองเธออย่างงงงัน
ห้องทั้งห้องเงียบไปนาน จนกระทั่งเสียงทุ้มต่ำทำลายความเงียบลง ดึงสติของแพทริเซียให้กลับมาสู่ความเป็นจริง
“แพทริเซีย รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม”
แพทริเซียเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอเอาภาพของชาร์ลส์ในอดีตมาซ้อนทับกับเขาในปัจจุบัน เธอจึงรีบปล่อยมือเขาด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก
ลูกกระเดือกของชาร์ลส์ขยับขึ้นลง เขามองเธอด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
แพทริเซียรู้สึกอับอาย “คุณกลับมาทำไมคะ”
เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง ชาร์ลส์ก็ไม่คิดจะอธิบาย
เขาหยิบน้ำผึ้งส่งให้เธอ “ดื่มนี่ก่อน ถ้ายังไม่ดีขึ้นฉันจะโทรหาหมอประจำตระกูล”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันดีขึ้นมากแล้ว” แพทริเซียเกาแก้มแก้เก้อ พอนึกถึงพฤติกรรมประหลาดของตัวเองเมื่อครู่ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวด้วยความอับอาย
“เรื่องงานเลี้ยงครั้งล่าสุด ฉันไปเช็กมาแล้ว เป็นฝีมือของไอรีน ฉันขอโทษ จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก”
พอได้ยินว่าเป็นเรื่องของไอรีน ความอับอายของแพทริเซียก็จางหายไปทันที เธอรู้แล้วว่าทำไมจู่ๆ ชาร์ลส์ถึงกลับมา เขาอยากจะมาขอความเห็นใจให้ไอรีนสินะ
“แล้วยังไงต่อคะ” แพทริเซียจิบน้ำผึ้งเข้าไปอึกหนึ่งแล้วทำหน้าเหยเก เธอไม่ชอบน้ำผึ้งเลย
“เธอเป็นคนโพสต์วิดีโอนั่น”
แววตาของแพทริเซียมืดลง “แล้วถ้าใช่ล่ะคะ ถ้าคุณมาเพื่อขอร้องแทนเธอ ก็เชิญกลับไปได้เลย ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ฉันก็ไม่ปล่อยเธอไปแน่”
‘ผู้ชายเฮงซวย!’ แพทริเซียสบถในใจ
คืนที่เธอกลับมา เธอจ้างคนโพสต์วิดีโอลงโลกออนไลน์และทุ่มเงินซื้อยอดเข้าชมจำนวนมากเพื่อดันเรื่องนี้ให้ติดเทรนด์อันดับต้นๆ
เธอต้องการให้ไอรีนได้ลิ้มรสชาติแบบเดียวกับที่เธอเคยเจอในชาติที่แล้ว
พอนึกถึงการทะเลาะกับชาร์ลส์เรื่องไอรีนและผู้หญิงคนอื่นๆ ในชาติที่แล้วก็ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า
“เธอเป็นผู้เสียหาย เธอมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น” ชาร์ลส์อธิบาย
แพทริเซียไม่มีความอดทนจะฟังต่อ ความไม่สบายตัวจากประจำเดือนทำให้เธอหงุดหงิดง่ายอยู่แล้ว พอเห็นชาร์ลส์พูดถึงผู้หญิงคนอื่นก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจมากขึ้นไปอีก
“คุณแอนเดอร์สัน ถ้าคุณว่างมากจนต้องเข้ามายุ่งเรื่องของฉันล่ะก็ ทำไมไม่เอาเวลาไปใช้กับลูกสาวของคุณมากกว่าล่ะคะ ครั้งที่แล้วคุณจากไปโดยไม่บอกลาเอมิลี่ เธอเสียใจไปตั้งหลายวัน”
ชาร์ลส์ถูกแพทริเซียไล่ออกมา และเพราะเห็นว่าเธอไม่ค่อยสบาย เขาจึงไม่ได้ถือสาอะไร
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับงาน เอมิลี่ก็โทรหาเขาผ่านเอลลี่หลายครั้งแล้ว ชาร์ลส์รู้สึกผิดจึงลงไปทานอาหารเย็นกับเอมิลี่
เอมิลี่เป็นเด็กดีมาก อายุแค่สามขวบก็เรียนรู้ที่จะใช้ส้อมเป็นแล้ว
"แด๊ดดี้คะ คืนนี้มานอนกับหนูได้ไหมคะ" เอมิลี่กลืนพาสต้าคำสุดท้ายแล้วเงยหน้ามองชาร์ลส์ด้วยดวงตากลมโตของเธอ
ชาร์ลส์ใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดปากให้เธอ "นอนกับมัมมี่ก็ดีไม่ใช่เหรอ"
ตอนแรกเอมิลี่ไม่ได้สนิทกับเขามากนัก เป็นแพทริเซียที่คอยบอกให้เธอเรียกเขาว่า "แด๊ดดี้"
แพทริเซียมีพรสวรรค์ในการสอนเด็ก เพียงไม่กี่คำ เธอก็ทำให้เอมิลี่เปิดใจรับพ่อที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาได้
เอมิลี่เชื่อฟังมาก ในขณะที่เด็กคนอื่นเอาแต่ใจ เธอกลับเข้าใจผู้ใหญ่และจัดการอารมณ์ของตัวเองได้
ชาร์ลส์รู้สึกประทับใจในความเรียบร้อยของเธอ
เอมิลี่ทำท่าทางประกอบสองสามครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหวานใสแบบเด็ก ๆ ว่า "แด๊ดดี้กับมัมมี่ต้องนอนด้วยกันสิคะ ใช่ไหมคะ"
เอมิลี่ชี้มาที่ตัวเอง "เอมิลี่ก็อยากนอนด้วยค่ะ"
ชาร์ลส์คิดอยู่ครู่หนึ่งและไม่ได้ตอบตกลงทันที แต่กลับพูดว่า "หนูต้องไปถามมัมมี่ก่อนนะ"
ดูเหมือนเอมิลี่จะเข้าใจ เธอไถลตัวลงจากเก้าอี้แล้วมองชาร์ลส์อย่างจริงจัง "เอมิลี่จะไปถามมัมมี่เดี๋ยวนี้เลยค่ะ!"
ชาร์ลส์นึกขำในท่าทีของเธอ
หลังอาหารเย็น ชาร์ลส์ก็พาเอมิลี่ขึ้นไปชั้นบน
แพทริเซียดูดีขึ้นมาก พอเห็นเอมิลี่ เธอก็ยิ้มแล้วถามว่า "เอมิลี่ อิ่มหรือยังจ๊ะ"
"อิ่มแล้วค่ะ" เอมิลี่พยักหน้าหงึก ๆ ดวงตากลมโตของเธอกลอกไปมา
"มีอะไรหรือเปล่า"
"มัมมี่คะ คืนนี้ให้แด๊ดดี้นอนกับเราได้ไหมคะ"
แพทริเซียชะงักไปและปฏิเสธโดยไม่คิด "ไม่ได้"
สีหน้าของเอมิลี่เศร้าลงทันที แล้วเธอก็ทิ้งตัวลงนอนดิ้นบนเตียง
"มัมมี่ใจร้าย! หนูอยาก! หนูอยาก! หนูอยากนอนกับแด๊ดดี้และมัมมี่!"
"เอมิลี่ ห้ามงอแงนะ" แพทริเซียทำเสียงจริงจัง "ถ้ายังดื้ออยู่ แม่จะให้ไปยืนเข้ามุมนะ"
ชาร์ลส์พูดขัดขึ้น "ใจเย็น ๆ กับลูกหน่อยสิ"
แพทริเซียเหลือบมองเขาแล้วขว้างหมอนใส่ หน้าตาบึ้งตึง "เอมิลี่ ไปนอนกับพ่อของลูกเลยไป!"
และแล้ว สองพ่อลูกก็ถูกแพทริเซียไล่ออกจากห้องนอนใหญ่
ชาร์ลส์งุนงงกับพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้ของแพทริเซีย
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เขาจึงพาเอมิลี่ไปนอนที่ห้องนอนแขก เอมิลี่หลับไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะหลับ ชาร์ลส์ยังคงครุ่นคิดถึงพฤติกรรมผิดปกติของแพทริเซียในวันนี้ วลีที่ว่า "คุณก็รู้อยู่แก่ใจ" วนเวียนอยู่ในหัวของเขาราวกับแผ่นเสียงตกร่อง
คืนนั้น เขาฝัน
เขาฝันว่าแพทริเซียกำลังมองเขาอย่างอ่อนโยน ปราศจากคิ้วที่ขมวดเข้าหากันเหมือนที่เธอทำเวลาเห็นเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เธอประคองใบหน้าของเขา ดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง พลางเรียกชื่อของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขารู้สึกราวกับว่ารู้จักแพทริเซียมานานแสนนาน โอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและจูบเธออย่างดูดดื่ม
ชาร์ลส์สะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อท่วมตัว พร้อมกับความรู้สึกคุ้นเคยที่แปลกประหลาด
ทำไมเขาถึงฝันถึงเธอติดต่อกันหลายวันแบบนี้
ที่เชิร์ชกรุ๊ป คาลวินมองดูแบบร่างดีไซน์ที่แสดงอยู่บนสไลด์นำเสนอผลงาน ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่ส่งเข้าประกวดในโครงการแข่งขันของดีไซเนอร์
ตามข้อกำหนดของการแข่งขัน ดีไซน์จะต้องมีธีมเกี่ยวกับคริสต์มาสปีนี้ เพื่อสร้างสรรค์แฟชั่นที่เหมาะกับบรรยากาศของเทศกาล
เมื่อสไลด์เลื่อนมาถึงหน้าหนึ่ง คาลวินก็ร้องขึ้น
"เดี๋ยวก่อนนะ สไตล์นี้ใช้ได้เลย"
หลังจากที่มองหามานาน ในที่สุดเขาก็เห็นสิ่งที่ตรงตามความต้องการของเขาสักที ซาร่าห์ เชิร์ช และผู้ช่วยของเธอต่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
คาลวิน ในฐานะเอเจนซี่โมเดลที่กำลังเตรียมรันเวย์โชว์สำหรับคริสต์มาส เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีมาตรฐานสูงและทุ่มเงินไม่อั้น
ซาร่าห์ไม่อยากพลาดลูกค้ารายใหญ่รายนี้ไป เธอจึงดึงแบบร่างดีไซน์ฉบับกระดาษที่คาลวินเพิ่งจะชอบออกมาจากกองเอกสาร
"นี่เป็นผลงานที่ส่งเข้าประกวดในโครงการของเราค่ะ ถ้าคุณสกอตต์ชอบ เราสามารถซื้อลิขสิทธิ์และเริ่มดำเนินการผลิตได้ทันที"
คาลวินพิจารณาแบบร่างดีไซน์อย่างละเอียด
"ดีไซเนอร์คนนี้คือใคร"








































































